วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รวมคำกลอนหลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต (ฉบับสมบูรณ์) ๑๓


ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม
   
วาจาจริง         กายจริง         จิตยิ่งยอด
จิตถ่ายทอด         มองเห็นทาง      อย่างเปิดเผย
จิตสงบ            เป็นนักรบ      น่าชมเชย
เมื่อคุ้นเคย         อยู่ประจำ      ธรรมคุ้มครอง
สัจจธรรม            อุปถัมภ์         ชักนำจิต
ผู้เพียรเพ่ง         พินิจ         จิตผุดผ่อง
ผู้หวัง            ความเจริญ      เชิญทดลอง
เจอะเงินทอง         ภายในตน      ทุกคนเอย

ดับเหตุ  เพื่อเกิดผล
   
เมื่อเรียนจำ     ทำได้จิตเห็นกายในกาย   ก็เห็นธาตุทั้งสี่
   
ได้สมความประสงค์   ตามพระพุทธองค์      ท่านชี้
   
ประสบความสวัสดี      ในชาตินี้      แน่นอน
   
ผู้ประกาศแนะนำ      เมื่อตนยังไม่ได้ทำ      จะไม่นำมาสอน
   
ระคายจิตบางสิ่ง      แต่เป็นของจริง   ทุกตอน
   
ท่านที่ใจร้อน      บางตอน      กระทบจิต
   
พระธรรม         เป็นของตรง   มั่นคงไปทุกบท
   
ท่านผู้ใด         เดินคด      เพราะมีความเห็นผิด
   
มีทั้งขม         มีทั้งหวาน   ไม่มีการปกปิด
   
ท่านผู้ใด         เพ่งพินิจ      รู้ด้วยจิตของตน
   
หลักพิสูจน์สังเกต      เมื่อดับเหตุ   ก็เกิดผล
   
คำสอนพระทศพล      รู้ได้ด้วยตน   แหละท่านเอย

ไฟราคะ
      
เรื่องร่วมเพศ      ไฟราคะ         ทำให้ตาบอด
   
ต้องม้วยมอด         ไม่หลุดพ้น      จากตาข่าย
   
ผู้เชื่อพระ            พิจารณา         ภายในกาย
   
จะหลุดพ้น         จากตาข่าย      ของนายพราน
   
ไฟราคะ            ภายในตน      ของคนเป็น
   
จิตตื่นเต้น         อยู่ใน         วัฏฏสงสาร
   
รสหวานขม         โลกนิยม         มานมนาน
   
กิเลสมาร            ความเห็นผิด      กันจิตใจ
   
ความเห็นถูก         ต้องเป็นลูก      พระตถาคต
   
เพ่งตามพุทธพจน์         จิตหมดสิ้น      ความสงสัย
   
นึกละอาย         คลายกำหนัด      ตัดเชื้อไฟ
   
อยู่ที่ใด            ปราศจากทุกข์      สุขสบาย
   
ไฟกิเลส            อยากร่วมเพศ      เพราะความเขลา
   
จิตมัวเมา            ด้วยตัณหา      ตาไม่เห็น
   
ไฟราคะ            ภายในตน      เผาคนเป็น
ใครมองเห็น         จะประสบ      พบหนทาง


กิเลสตัณหา  เป็นบิดามารดาของคน
   
รู้ธรรมตามตำรา         ไม่พิจารณาเหตุผล
ไม่มีทางจะหลุดพ้น            จากกิเลสตัณหา
มองกิเลสไม่เห็น            เพราะไม่บำเพ็ญภาวนา
เพราะกิเลสตัณหา            เป็นบิดามารดาของคน
หลงอยู่ในตาข่าย            ไม่พบทางมรรคผล
รู้ธรรมไม่ฝึกตน            ไม่หลุดพ้นจากกาม
ไม่เชื่อยอดคำสอน            นอนอยู่บนขวากหนาม
สมณะชีพราหมณ์            ต้องมีความอดทน
คลุมสบงจีวร            นอนอยู่ข้างถนน
ไม่อายประชาชน            จะบวชตนทำไม
ปักกลดอยู่ข้างถนน         เพื่อให้คนเลื่อมใส
สมณะเมืองไทย            สมัยปัจจุบัน

รสของกาม
รสของกาม      เหมือนขวากหนาม         ตำดวงจิต
   
ความเห็นผิด         คนส่วนมาก         ไม่อยากถอน
   
ใจเหิมฮึก            คึกคะนอง            ในกองฟอน(ในกองไฟ)
   
ดั่งกุญชร            ตกปลักตม         จมอบาย
   
สุขนิวรณ์            ใครอยากถอน         ต้องทำตาม(พุทธพจน์)
   
ไม่ตัดกาม         ไม่หลุดพ้น         จากตาข่าย
   
ไฟราคะ            เผาดวงจิต         ปิดทางคลาย
   
ไม่หลุดพ้น         จากตาข่าย         ของนายพราน

ใบลาโลก
   
ขอกราบลา  อุปัชฌาย์  ผู้ประเสริฐ         ผู้ให้กำเนิด  ทางพระพุทธ  ศาสนา
องค์ที่สอง  อาจารย์  กรรมวาจา            ที่เคารพ  บูชา  อย่างอนันต์
ขอกราบลา  ยามพลัดพราก  ไปจากโลก         ถึงคราวโชค  จำต้องพราก  ไปจากขันธ์
ขันธ์เอ๋ยขันธ์  ขอลาพราก  ไปจากกัน            เคยติดพัน  เชยชม  มานมนาน
ขันธ์ใหม่ใหม่  จึงใครใคร  ก็รักใคร่            เมื่ออันตราย  หมดรส  หมดความหวาน
ดังต้นอ้อย  เมื่อหมดเชื้อ  เหลือแต่ชาน            เบื่อสังขาร  เมื่อยามทุกข์  ลุกเป็นไฟ
เบื่อเช่นนี้  จิตย่อมมี  แต่ความเขลา            เบื่อขันธ์เก่า  ยังรักใคร่  อยากได้ใหม่
จิตเป็นทุกข์  มองเห็นขันธ์  นั้นเป็นภัย            ทั้งเก่าใหม่  ขอลาพราก  ไม่อยากครอง
ลาญาติมิตร  เคยถวาย  ให้อาหาร            พร้อมด้วยทาน  กัปปิยภัณฑ์  กันทั้งสอง
ลาคนจน  คนมี  ญาติพี่น้อง               ลาข้าวกล้อง  เขาบูชา  ศรัทธาจริง
ผู้ถวาย  ข้าวกล้อง  น้องร่วมไส้            ไม่ใช่ผู้ชาย  เกิดร่วมท้อง  น้องผู้หญิง
สี่พี่น้อง  เคยห่วงข้อง  ไม่ทอดทิ้ง            ตลอดผู้หญิง  คนสุดท้อง  ต้องขอลา
ลาบุตรา  บุตรี  นี้ทั้งสอง               ขอฝากน้อง  ไว้ด้วย  ช่วยรักษา
หลานเอ๋ยหลาน  ช่วยพยาบาล  แก่คุณอา         หลวงปู่ลา  ไปจากโลก  หวังโชคดี
ลาผู้ถวาย  ยารักษาโรค               จงประสบโชค  ปราศจากทุกข์  เป็นสุขี
ชื่อศรัทธา  ใจศรัทธา  ปัญญาดี            จิตเปรมปรีดิ์  เขาเลื่อมใส  พระตรัยรัตน์
นามสกุล  นิ่มมานพ  เคารพธรรม            เขาชอบอุปถัมภ์  สมณะ  พระปฏิบัติ
ถวายตัว  อุทิศ  เป็นศิษย์วัด               น้อมปฏิบัติ  รับใช้  ได้ทุกอย่าง
ตัวอยู่ไกล  แต่หัวใจ  เขาอยู่ใกล้            เขาปวารณา  รับใช้  ไม่เหินห่าง
ชาวกรุงเทพ  ธนบุรี  มิอำพราง            ระยะทาง  กับภาคใต้  ไม่ใกล้กัน
จังหวัดพัทลุง  อำเภอ  เขาชัยสน            ทั้งเป็นคน  ที่ไม่เคย  ได้สังสรรค์
เป็นบุพเพกต  ปุญญตา   มาเจอะกัน            เขาติดพัน  เลื่อมใส  ใจศรัทธา
ลาทั้งมิตร  ทั้งศัตรู  อยู่ไกลใกล้            จงอย่าได้  มีความทุกข์  เป็นสุขา
ลาคุณพุทธ  บริษัท  ของวัดวา            ทั้งทายก  ทายิกา  ขอลาไป
ลาที่  พึ่งพัก  สำนักสงฆ์               ผู้บำรุง  ศาสนา  น่าเลื่อมใส
ขาวไม่ลอก  ขาวทั้งนอก  ขาวทั้งใน            ขาวจิตใจ  น่าบูชา  สง่างาม
ขาวตาดำ  จิตเป็นธรรม  น่าศรัทธา            มีปัญญา  ช่างแฉล้ม  แหลมเหมือนหนาม
พร้อมคณะ  ของวัด  จักทำตาม            สร้างสนาม  ของสำนัก  ที่พักคน
พลอยสาธุ  โมทนา  ศรัทธาท่าน            สร้างวิมาน  เอาไว้  ไม่ไร้ผล
ผมหลวงตา  บวชภายแก่  แต่อดทน            ไม่อวดตน  อยากดัง  ระฆังกลอง
เปลื้องทั้งบาป  เปลื้องทั้งบุญ  ค้ำจุนวัด         เปลื้องข้องขัด  เปลื้องรักชัง  กันทั้งสอง
เปลื้องทุกข์โศก โรคภัย  อยู่ในท้อง            เปลื้องเงินทอง  เปลื้องญาติมิตร  เคยติดพัน
เราติดเขา  เขาติดเรา  ไม่เอาเรื่อง            ถึงคราวเปลื้อง  เปลื้องแล้วปลด  ให้หมดฝัน
เปลื้องทั้งกาย  เปลื้องทั้งจิต  เคยติดพัน         เปลื้องลาขันธ์  เคยบำรุง  ยามรุ่งเรือง
ขอลาบาตร  แล้วกราบบาท  พระศาสดา         กาสาวพัสตร์  ขอกราบลา  ผ้าสีเหลือง
กราบพระคุณ  ผู้ที่เคารพ  ก่อนจบเรื่อง            หลวงพ่อเปลื้อง  ขอกราบลา  หลับตาเอย

      
เมื่อได้เห็นตัวโง่         เมื่อนั้นเห็นตัวปัญญา
   
เมื่อได้เกิดจิตศรัทธา         เมื่อนั้นเห็นธรรม

คำอำนวยพร
ขอให้คุณจงสวัสดีมีความสุข     
                
แม้เกิดมาพบประสบยุค      อย่าให้ความทุกข์มาแผ้วพาน
   
ขึ้นชื่อศัตรูอยู่ทิศใด            ขอให้จิตใจมาสมาน
   
ให้จิตเป็นพระชนะมาร         ให้มีบริวารอยู่มากมาย
   
ให้ปลอดแคล้วยามความอาพาธ      ทั้งโรคาพยาธิให้เสื่อมหาย
   
ให้มีกำลังดังพระนารายณ์         ให้ปวงชนทั้งหลายได้พึ่งพา
   
ให้มีทรัพย์มากมายอยู่ก่ายกอง      ทั้งแก้วแหวนเงินทองไหลมาหา
   
ให้เป็นเศรษฐีมีปัญญา         เป็นนักปราชญ์เมธาปรีชาชาญ
   
ให้ปวงชนทั้งหลายได้เกื้อหนุน      การุณเมตตาวาจาหวาน
   
ขอให้อายุอยู่ยืนนาน         มีจิตชื่นเบิกบานสำราญกาย
   
จงเป็นสุขสมบูรณ์ทั้งสกุลวงศ์      เมื่อประสงค์สิ่งใดสมใจหมาย
   
ขอให้คุณจงประสบธรรม         ตามคำที่อาตมาได้บรรยาย
         
เกิดความคลายเข้าถึงจุดวิมุตติเทอญ

ทรัพย์สินเงินทองเป็นของชาวโลก      จิตวิโมกข์  เป็นของชาวธรรม
            (
หลุดจากเงินจากทอง)





   
ธรรมะเป็นของจริง         ปฏิบัติจริง         ได้ผลจริง
ธรรมทั้งหลาย            จำได้ง่าย            รู้ได้ยาก
เหมือนครกสาก            ไม่รู้รส            บดอาหาร
รสของเกลือ            ผู้ที่เชื่อ            ต้องรับประทาน
รสมันหวาน            รู้ด้วยใจ            ภายในตน
   
ยังไม่รู้รส            ธรรมทั้งหลาย         มองไม่เห็น
ไม่บำเพ็ญ            จิตไม่คลาย         ไม่ได้ผล
รู้ตามปริยัติ            ไม่ปฏิบัติ            ฝึกหัดตน
ไม่อดทน               ไม่เป็นพระ         ไม่ชนะมาร
   
จิตเป็นพระ         ต้องชนะ            กามฉันท์
เครื่องผูกพัน            อยู่ใน            วัฏฏสงสาร
ตัวมิจฉา               ความเห็นผิด         จิตเป็นพาล
เพราะเกียจคร้าน            ไม่บำเพ็ญ         ไม่เห็นธรรม
   
จิตเห็นธรรม         ก็เห็น            พระตถาคต
จิตรู้รส               จิตปลดเปลื้อง         เป็นเรื่องขำ
แรงสัจจะ               แรงทมะ            ชนะกรรม(คือชนะกาม)
ผู้ปฏิบัติธรรม            หมั่นอดทน         ได้ผลจริง
   
จิตเห็นกาย         ในกาย            คลายกำหนัด
ผู้ปฏิบัติ               จะรู้ได้            ทั้งชายหญิง
เห็นวัตถุ               ภายนอกกาย         กลายเป็นลิง
เจอะของจริง            ตามพุทธพจน์         หมดกังวล
   
เป็นบุญเลิศ         ผู้มาเกิด            เป็นมนุษย์
เป็นชาวพุทธ            จิตศรัทธา         สถาผล
น้อมธรรมะ            มาปฏิบัติ            ฝึกหัดตน
ทุกทุกคน               รู้ได้ชัด            ปัจจัตตัง
   
ผู้ประมาท         ต้องเป็นทาส         อยู่ในโลก
แม้มีโชค               ไม่ทำดี            ไม่มีหวัง
ธรรมทั้งหลาย            พระตรัสไว้         ไม่ปิดบัง
หมดรักชัง            รู้ด้วยตน            ทุกคนเอย

------------------------------------------------------------------------

จบ "รวมคำกลอนธรรมะ ของ หลวงปู่เปลื้อง ปัญญวันโต วัดบางแก้วผดุงธรรม อ.บางแก้ว จ.พัทลุง"
ได้แก้ไขคำบาลี (เช่น อัปเทนะ สัปเทถะ เป็น อัปปมาเทนะ สัมปาเทถะ และคำไทย บางคำ (เพื่อให้ถูกต้อง) ..ส่วน คำใต้บางคำ ก็คงไว้ เพียงแต่วงเล็บให้เห็น

ได้คัดมาจากเวบธรรมสาธุ ตามลิงค์ http://thammasatu.com/forum/index.php?topic=9655

ขออนุโมทนา โยมหญิงดอกหญ้า ที่มีความตั้งใจพิมพ์จนกระทั่งจบเล่ม แล้วได้นำมาเผยแผ่ เพื่อเป็นธรรมทาน ตามเจตนาของหลวงปู่ (ห้ามขาย พิมพ์แจกได้ ดังที่องค์หลวงปู่อนุญาตไว้แล้ว) 



1 ความคิดเห็น :

  1. ได้รวบรวม แบ่งเป็น สิบสามตอน
    ตามคำสอน ของธุดงค์ ๑๓ ข้อ
    ที่หลวงปู่ เลือกปฏิบัติ ไม่รีรอ
    ข้อสุดท้าย นี่หนอ น่าชื่มชม

    เนสัชชิก เคยได้ถือ เป็นบางวัน
    ต้องอดนอน เพียรขยัน คืนยันรุ่ง
    อิริยาบถสาม ปรามกิเลส เหตุที่ปรุง
    ปลงจิตยุ่ง ผ่อนบรรเทา ให้เบาบาง

    แม้หลวงปู่ ย่างเข้า วัยชรา
    ยังเก่งกล้า ไม่หลับเอน เข่นกิเลส
    ปราบอวิชชา ลงได้ เจ้าตัวเหตุ
    วิสุทธิเทพ สถิตย์ใน ใจท่านเอย

    ตอบลบ

โปรดแสดงความคิดเห็นด้วยเมตตาธรรม

บทความที่ได้รับความนิยม