วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

กลอนการปฏิบัติธรรม (เขียนไว้ในลานธรรม)


เป็น กลอนที่คัดลอกมาจาก "ร้อยใจเป็นหนึ่งถึงองค์หลวงตา" ที่เคยแต่งไว้สมัยเมื่อเมื่อยังทำความเพียร ฝึกฝนตนเพื่อหลุดพ้นจากทุกข์ ...แต่หลัง ๆ พยายามงด แล้วเร่ง ไม่ให้จิตมีการปรุงแต่งใด ๆ จนได้พบธรรมอัศจรรย์ ดังที่ได้กราบเรียนองค์ท่านไว้ในกัณฑ์เทศน์ชื่อ


ไม่เชื่อพระพุทธเจ้านี้จมตลอด (9 กันยายน 2548)

http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3584&CatID=2
หรือ เมื่อครั้งที่ได้กราบเรียนองค์หลวงปู่มหาบัว และเล่าถวายผลแห่งการปฏิบัติธรรม

จะ ถูกดุ ถูกว่า ถูกหาม ถูกแห่ (ดังในกัณฑ์ "กรรมอันนี้จะพันลงนรก" 31 ธ.ค. 48 ไม่มีเป็นภาพวีดีโอ) จิตก็ยังยิ้มได้ (เหมือนบ้า แต่ไม่ใช่บ้า ...เพราะคนทั้งหลายไม่ได้เป็นเหมือนเรา)
อุบาย ธรรมที่พ่อแม่ครูอาจารย์นั้นลึกนัก ยากนักที่จะมีผู้ตามทัน (แต่ก็พอจะมีผู้พอพินิจพิจารณาหา เหตุ-ผล ...จนพอจะตามได้บ้าง ไม่มาก ก็น้อย)

ต้องขออภัยเรื่องกลอน ที่ไม่สันทัด แต่ก็แต่งไปตามที่คิดออก บางครั้งว่าจะให้สัมผัส แต่ไม่เป็นไปตามนั้น ฝืนทนอ่านเอาหน่อยเด้อ
--------------------------------------------

ร้อยใจลำดับที่ : 0200

ขอน้อมจิต พร้อมกาย ก้มลงกราบ
ด้วยซึมซาบ ซึ้งใจ ในพระคุณ
องค์หลวงปู่ มหาบัว ที่ค้ำจุน
ได้เกื้อหนุน ชาติไทย ให้อยู่เย็น

เป็นร่มโพธิ์ กว้างใหญ่ ให้ปวงศิษย์
ผู้ใฝ่คิด ใฝ่ทำ ประโยชน์ใหญ่
หนุนทั้งชาติ พุทธศาสน์ เพื่อปวงไทย
รวมดวงใจ ไทยทั่วหล้า ให้ฉ่ำเย็น

ขอชาวไทย หัวใจพุทธ ช่วยปกปัก
สวามิภักดิ์ ต่อชาติไทย สมานฉันท์
เป็นหนึ่งเดียว ขับเภทภัย หัวใจมาร
เพื่อปวงไทย ใจเป็นพุทธ ได้อยู่เย็น

เรื่องทั้งปวง ที่องค์ท่าน ได้เข้ายุ่ง
ก็เพื่อมุ่ง เชิดชู พุทธศาสนา
อันก่อเกิด ในชาติไทย แต่ไรมา
ต้องรักษา เพื่อลูกไทย ให้ร่มเย็น

ลูกรำลึก เมตตาคุณ ในองค์ท่าน
ผู้เปรียบปาน ธรรมบิดร ให้กำเนิด
ผลแห่งธรรม ได้ประจักษ์ อย่างล้ำเลิศ
ใด ๆ เลิศ ก็ไม่สู้ รสแห่งธรรม

ขอทุกท่าน ร่วมใจกัน โดยพร้อมหน้า
เชิดกษัตรา ทั้งชาติ พุทธศาสน์
องค์หลวงปู่ เมตตานำ อย่างนักปราชญ์
พิทักษ์ชาติ ปกปักศาสน์ หนุนชาติไทย

จะหาใคร เด็ดเดี่ยว ในดวงจิต
เช่นดังองค์ หลวงปู่ ในทั่วหล้า
เฝ้าทำนุ ชาติไทย ศาสน์กษัตริยา
ลูกขอกราบ ประทับจิต นิจนิรันดร์
----------------------------------------
กราบขอบพระคุณ ในพระเมตตาคุณขององค์หลวงปู่ ที่เมตตาลูกยิ่งนัก

โดย : ชิน
เมื่อ : 10 มี.ค. 2548 11:12 IP : 203.144.198.66

ร้อยใจลำดับที่ : 0204

องค์หลวงปู่ แสดงธรรม หนุนนำจิต
แนะอุบาย ให้คิด นำกุศล
มุ่งให้ศิษย์ พิจารณา อย่างแยบยล
เพื่อเปลื้องตน ให้หลุดพ้น จากจองจำ

องค์หลวงปู่ หวังพร่ำสอน ให้โลกรู้
มุ่งเชิดชู ศาสนธรรม คำสั่งสอน
เพื่อให้โลก มีที่พึ่ง มิสั่นคลอน
ยึดคำสอน ตามธรรม องค์พระสัมมา

ขอผองไทย ยึดมั่น ในกุศล
เป็นต้นทุน อันประเสริฐ เลิศนักหนา
องค์หลวงปู่ อยู่เพื่อโลก ด้วยเมตตา
น้อมกราบมา เคารพยิ่ง เหนือสิ่งใด

โดย : ชิน
เมื่อ : 11 มี.ค. 2548 18:11 IP : 203.144.198.66

ร้อยใจลำดับที่ : 0257

พระคุณใด ๆ ในทั่วหล้า
ทั่วแผ่นฟ้า แผ่นดิน สิ้นสงสาร
ก็มิอาจ ประมวลลง มาเปรียบปราน
ขอกราบกราน น้อมดวงใจ แด่หลวงตา

องค์หลวงตา สุดเมตตา เหลือประมาณ
ทุกคืนวัน น้อมจิตลง ถึงองค์ท่าน
โอ้ชีวา ลูกนี้ พลีแด่...องค์หลวงตา สิ้นกาลนาน

(ขึ้นและลงแบบ ไม่มีสีสัน แต่ได้ถ้อยความ :)

ทุกเช้า ๆ องค์หลวงตา เทศน์สัมผัส
ให้ปวงศิษย์ แช่มชื่น ทั้งกายใจ
บ้างดุเด็ด บ้างส่งเสริม บ้างบรรเทา
ลูกเพียรเฝ้า องค์ธรรม ตามหลวงตา

พุทธศาสนา นั้นเกิด ที่ดวงจิต
ใคร ๆ คิด เอาธรรม แต่ทำเฉย
หากดวงจิต ไม่ฝึกเอง แล้วละเลย
พุทธนั้นเอย จะปรากฏ ได้อย่างไร

องค์หลวงตา สอนอุบาย ให้ได้คิด
พุทธนั้นสถิตย์ กลางดวงใจ ผู้พากเพียร
ฝึกเรียนรู้ ที่จิตใจ อย่างพากเพียร
จบวนเวียน สังสารวัฏฏ์ นั้นแน่เอย

(ทนฟัง ทนอ่าน เอาหน่อยเน้อ, ข้าน้อยด้อยสติปัญญา)
โดย : ผู้ทน...ต่อวิบาก
เมื่อ : 03 มิ.ย. 2548 18:47 IP : 203.144.198.66

ร้อยใจลำดับที่ : 0258
องค์หลวงตา มีเมตตา มากเหลือล้น
มิผ่อนปรน ความปราณี ต่อสัตว์โลก
มุ่งส่งเสริม มุ่งให้ธรรม ในสามโลก
ผู้ทุกข์โศก ก็พลันสุข อิ่มเอมใจ

โดย : ผู้ยังเดินทางไกล
เมื่อ : 03 มิ.ย. 2548 19:07 IP : 203.144.198.66

ร้อยใจลำดับที่ : 0262

ทุกข์ระทมอัดแน่น ดวงจิต
ทุกข์ซ้อนยิ่งมืดมิด ห่อนแก้
มีเพียงธรรมนำจิต ผ่อนเบา
พระธรรมคือมิตรแท้ โอ้เจ้า ชีวา


ทุกข์นี้จึงเป็นทุกข์อริยสัจ
สารพัด หาปราชญ์แท้ คอยแก้ทุกข์
เมื่อจิตใฝ่ เปลื้องตนออก จึงพลันสุข
จิตสนุก รู้ผ่อนทุกข์ ให้จางคลาย

ด้วยเมตตา อันยิ่ง ขององค์ท่าน
คอยสมาน ทุกดวงใจ ให้เห็นแจ้ง
แม้มีผู้ ใจหยาบ คอยกลั่นแกล้ง
องค์ท่านแจ้ง เจตน์จำนงค์ ตรงต่อธรรม

อันอุบาย ธรรมลีลา หาใดเหมือน
ธรรมมิเลือน ไปจากใจ ผู้ใฝ่หา
เที่ยวเสาะหา ปราชญ์ใด ในโลกา
องค์หลวงตา คือหนึ่งเดียว ในปัจจุบัน

ทั้งปัจจุบัน ทั้งอดีต อนาคต
หลวงตาปลด เปลื้องปม กลมกลืนยิ่ง
ผู้ทำผิด องค์ท่านสอน ผ่อนได้จริง
มุ่งมั่นยิ่ง จึงพ้นได้ ในบัดดล

ใครจะหา ผู้เจนจบ ในสามโลก
ทั้งดำรง คงอยู่ด้วย เมตตาล้น
แม้ย่างเข้า วัย 93 ก็ยอมทน
เพื่อปวงชน ลูกหลานท่าน ที่ตามมา

ลูกหลานนี้ ขอกราบกราน ต่อองค์ท่าน
ท่านประทาน คุณค่าล้ำ หาใดเหมือน
จะใฝ่ธรรม น้อมปฏิบัติ อย่างพากเพียร
จบวนเวียน ในสงสาร ตามศาสดา

โดย : ผู้ทน...ต่อวิบาก
เมื่อ : 06 มิ.ย. 2548 17:00 IP : 203.144.198.66

ร้อยใจลำดับที่ : 0266

"จิต ใจที่มีธรรมกับจิตใจไม่มีธรรมต่างกันมาก จิตใจมีธรรมอยู่ที่ไหนตัวเองก็ไม่เป็นภัยแก่ตัวเอง คิดออกไปทางไหนเป็นคุณเป็นประโยชน์ทั้งนั้นๆ กิริยาอาการที่แสดงออกก็เป็นคุณทั้งหมดไม่ได้เป็นภัย ออกจากใจดวงเป็นมหาคุณอย่างเดียวนี้เท่านั้น ถ้าใจนี้เป็นภัยเสียอย่างเดียว ที่อื่นที่ไหนก็เป็นฟืนเป็นไฟเผาไหม้ไปได้หมด อยู่ที่ใจดวงเดียว
เพราะฉะนั้นจึงให้เอาธรรมเข้าไปเป็นน้ำดับไฟที่มีอยู่ในหัวใจ ไฟกิเลสตัณหานี่ละ
รา คคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา ความโลภเป็นไฟ ความโกรธเป็นไฟ ความหลงเป็นไฟ ราคะตัณหาเป็นไฟ ให้เอาน้ำดับไฟลงไปนี้ อย่าให้ผาดโผนโจนทะยาน แม้ยังละไม่ได้ก็ให้ระงับกันไปๆ ถ้าระงับได้หมดแล้ว อย่างพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านนั้น เลิศเลอแล้ว สุดยอด คือผู้ละฟืนไฟ ๓ กองใหญ่ๆ นี้ได้หมดโดยสิ้นเชิง ทั้งปลีกทั้งย่อยหมดโดยสิ้นเชิง นั้นเป็นผู้บรมสุข ไปที่ไหนความเมตตาอ่อนนิ่มไปหมดทั่วโลกดินแดน ไม่เป็นภัยต่อผู้ใด ไม่มีที่จะเป็นภัยต่อสัตว์โลกทั้งหลาย ด้วยจิตยิบแย็บออกมาในทางเป็นภัยไม่มี มีแต่ความเป็นคุณล้วนๆ หนุนอยู่ตลอดเวลา เป็นพื้นฐานแห่งจิตที่บริสุทธิ์ เลยอ่อนนิ่มไปกับสัตว์โลกเป็นอันเดียวกัน"

อธิษฐานถึงหลวงตาหาทางออก
มุ่งเพียรออกจากตัณหาพาให้หลง
องค์ท่านสอนเป็นอุบายเพื่อปลดปลง
ค่อย ๆ ลงต่อกันจะเย็นใจ

เพราะใจนั้นยังอิงธรรมพึ่งธรรมแท้
เพียงแต่แก้ให้เป็นธรรมอย่างมั่นเหมาะ
เขาก็มีเราก็มีให้วิเคราะห์
ประจวบเหมาะต่อกันผ่อนบรรเทา

อันราคะ ตัณหา โทสะนั้น
โมหะพลัน ดั่งไฟสุม แก้ให้ได้
แม้นยังละ มันไม่ขาด ค่อยปรนไป
สติไว ปัญญาเฉียบ เพียรตัดลง

หากสติ และปัญญา แก่กล้าแล้ว
ก็ไม่แคล้ว แพรวพราว สาวหาราก
อวิชชา ถึงคราจบ มิช้ามาก
มุ่งมั่นถาก รากมันลง ปลงจากใจ

องค์หลวงตาเมตตาลูกผูกคำสอน
ทุก ๆ ตอนลูกจ่อจิตคิดแม่นมั่น
แม้จิตตันหมั่นคอยแก้ให้ลูกพลัน
เมตตามั่นมีต่อลูกทุกเช้าเอย

เมื่อคราใดใจลูกนั้นไร้ทางออก
หลวงปู่บอกเป็นอุบายคลายปัญหา
ลูกได้รับแรงใจด้วยเมตตา
ลูกน้อมกราบหลวงตาผ่านเน็ตเอย

โดย : ผู้อดทน...ต่อวิบาก
เมื่อ : 09 มิ.ย. 2548 23:18 IP : 58.10.108.230

ร้อยใจลำดับที่ : 0271

ทุกขัสสานันตะรัง สุขัง นี้
สุขนั้นมี ระหว่างทุกข์ ภาษิตสอน
อุตสาหะ วิริยะ ผ่อนการนอน
หลวงตาสอน เน้นหนัก หักกงกรรม

ผู้จะถึง ฝั่งฝา ยังมีอยู่
เชื่อฟังครู ให้มั่น ถึงฝั่งได้
อุปสัค อย่าท้อ รอทนไป
ถึงคราใด ใจมีหลัก จักเดินเป็น

องค์หลวงตา ปลดแก้ปม ไม่เว้นห่าง
จิตรู้วาง ตามท่านสอน เป็นลำดับ
หากใจท้อ องค์ท่านยื่น อาวุธลับ
เอาไว้สับ กับกิเลส เหตุรั้งรอ

นี่แลหนอ จะหาใด ในทั่วหล้า
ทั้งตำรา ทั้งอาจารย์ ที่ฝึกสอน
หาผู้เชี่ยว ชำนาญการ ทุกขั้นตอน
ผู้สั่งสอน หนึ่งเดียวนั้น คือหลวงตา
(นี่ละอาจารย์ของเรา)

กระแสธรรม ขององค์ท่าน เย็นสัมผัส
สารพัด ราบรื่น ชื่นใจยิ่ง
ปัญญาส่อง จิตผ่องใส ได้จริง ๆ
ผู้หวังจริง บำเพ็ญแน่ว แผ่วทุกข์ไป

เมื่อหวังจริง มุ่งมั่น ไม่ลดละ
มุ่งสละ กายใจ ได้กำลัง
เพียรกำจัด ขัดเกลา อย่างจีรัง
คงได้หวัง ลิ้มรส พระนิพพาน

กราบเอ๋ย... กราบยิ่ง จริงใจกราบ
สารภาพ หมดใจ ในผู้สอน
ชั่วชีวิต หวังพึ่งพิง อย่างอาวรณ์
เป็นบทกลอน น้อมกราบลง องค์หลวงตา

โดย : ผู้อดทน...ต่อวิบาก
เมื่อ : 11 มิ.ย. 2548 15:50 IP : 58.10.107.190

ร้อยใจลำดับที่ : 0274

จิตตสังขาร การปรุงแต่ง
ความเคลือบแคลงสงสัยยังมีอยู่
โปรดผู้รู้ใส่ใจหมั่นตรวจดู
ระลึกรู้ทุกเช้าค่ำธรรมในใจ

การกระทบต่อกันนั้นย่อมเกิด
เพียรบังเกิดคิดรู้ธรรมนำแก้ไข
ฝึกจิตตนหมั่นตรวจสอบทุกวันไป
เห็นจิตไซร้ เพียรกลบ ลบจุดดำ

จุดที่ดำ นำคน ให้หลงรู้
ผู้หมั่นดู หมั่นตรวจสอบ จึงเห็นได้
หลงตามมัน จะพลาด ขาดหลักใจ
จุดนั้นไซร้ คืออวิชชา พามืดมน


องค์หลวงตา นำชาวพุทธ หลุดภัยผอง
ท่วงทำนอง นำธรรม ดั่งใจหมาย
ด้วยปฏิภาณ อรรถล้ำเลิศ สุดบรรยาย
สุขมิวาย ในธรรมท่าน ชุ่มฉ่ำเย็น

เสาร์ที่ผ่าน อธิษฐานนั่ง มุ่งมั่นแน่ว
สี่ชั่วโมงแกล้ว ด้วยบูชา ฝึกตนบ้าง
เพื่อบูชา องค์หลวงตา ไม่จืดจาง
เคารพพลาง...รักเทิดทูน สุดหัวใจ


พอเช้าขึ้น องค์ท่าน เทศน์สัมผัส
สารพัด ห่วงใยองค์ หลวงปู่มั่น
เคารพรัก ดูแลโรค ทุกคืนวัน
ทุก ๆ วัน ด้วยบูชา สุดหัวใจ

องค์หลวงตา มีเมตตา มากเหลือล้น
สำนึกตน ห่วงใย ต่อองค์ท่าน
เพียรปฏิบัติ ฝึกฝนตน ให้ทันกาล
หาใดปาน องค์วิสุทธิ์ คือหลวงตา

โดย : ผู้อดทน...ต่อวิบาก

เมื่อ : 13 มิ.ย. 2548 18:39 IP : 203.144.198.66

ร้อยใจลำดับที่ : 0279

พยายามเดินตามพ่อแม่ครูอาจารย์

เพียงให้รู้ ว่าเธออยู่ คู่กับฉัน
ทุกคืนวัน เฝ้าฝัน คนึงหา
คือเกิด-ดับ เคียงคู่ เคล้ากันมา
อนิจจา ใครไม่รู้ วางไม่เป็น

จุดที่เกิด เหตุที่เป็น เห็นยากยิ่ง
ทุก ๆ สิ่ง ล้วนมีมา แต่ปางไหน
กำหนดรู้ กำหนดวาง ละเว้นไป
วางอาลัย ในทุกสิ่ง สู่สามัญ

เพียงพอรู้ ก็ยังวาง ยากยิ่งนัก
หลวงตาทัก ส่องอุบาย นำทางให้
กลับมืดตื้อ คิดย้อนทวน ใคร่ครวญไป
วางอย่างไร จึงเหมาะสม กลมกลืนธรรม

เสาร์ที่ผ่าน ห้าชั่วโมง นั่งอธิษฐาน
ฝึกทรมาน บำเพ็ญตน บูชาท่าน
หวังรู้ผล จริงในทุกข์ ชั่วกาลนาน
ให้ทันกาล หลวงตาท่าน คอยนำทาง

มีปัญหา ภาวนา กราบเรียนถาม
ทุกข์เกิดตาม หนังเนื้อ หรือกระดูก
จิตซักไซร้ ไล่ต้อน หวังว่าถูก
สุดท้ายลูก เห็นจิตรวม เฉพาะหน้า

"พิจารณานี่ ถูกต้องแล้ว" หลวงตาตอบ
ทั้งคอยปลอบ อย่ากลัวตาย คลายทุกข์เข็ญ
พิจารณา สัจจธรรม ดูทุกข์เป็น
จักได้เห็น จิตปล่อยวาง ตามเป็นจริง


เพียงแค่นี้ เราทุกข์ ยังเล็กน้อย
น้ำตาคล้อย หลั่งริน อาบรดหน้า
ความเด็ดเดี่ยว ของท่าน เกินคาดครา
น้อมนำมา ฝึกในตน มุ่งมั่นเอย

โดย : ผู้อดทน...ต่อวิบาก
เมื่อ : 22 มิ.ย. 2548 16:04 IP : 203.144.198.66

ร้อยใจลำดับที่ : 0280

นิมิตบอกเหตุ

สามวันก่อน ฝันเห็น นิมิตชาย
เหมือนร่างกาย เป็นศพ มีคนทิ้ง
อันกลางตัว คือเพศชาย กลวงโบ๋จริง
มดแดงวิ่ง ไต่ตอม เป็นพัลวัน

โอ้...อนิจจา สังขาร ต้องวางทิ้ง
ปล่อยตามจริง ในทุกสิ่ง หายึดไม่
จิตปล่อยกาย ร่างวางทิ้ง แผ่นดินไป
มนุษย์ไซร้ ยังยึดมั่น ในตัวตน

บาปและบุญ เท่านั้น ที่หวังได้
ตามจิตไป ตามเหตุ ที่ทำไว้
สู่นรก สวรรค์-พรหม นิพพานไป
จงภูมิใจ ในกุศล เว้นบาปเอย

คงหวังได้ ในความเพียร อย่างมุ่งมั่น
ดั่งในฝัน เป็นนิมิต ให้แลเห็น
เหมือนเป็นธรรม ส่องนำมา ให้คิดเป็น
มุ่งให้เป็น ดั่งในฝัน คงเบาใจ

อยากจะเป็น เช่นสำลี ที่เบายิ่ง
จะเบาจริง ดั่งครูสอน ผู้ยิ่งใหญ่
พุทธศาสน์ หลวงตาถอด ออกจากใจ
จะเบาได้ ต้องละกาม ปรามลงเอง

ทุก ๆ ภูมิ แห่งจิต เป็นชั้น ๆ
หวังใจมั่น มุ่งทำไป ตามที่เห็น
อุปสัคมี ครูคอยสอน จะเดินเป็น
อยากจะเห็น ต้องตามครู รู้จริงเอย

โดย : ผู้อดทน...ต่อวิบาก
เมื่อ : 22 มิ.ย. 2548 17:29 IP : 203.144.198.66

ร้อยใจลำดับที่ : 0285

เสาร์ที่ผ่านกิเลสซ้ำ ตีต้อน
แม้อดข้าว มันกลับย้อน เพียรถอย
ร่างกายอ่อนล้าห่อน เผลอหลับ
เช้ารู้สึกตัวสติจับ ผลุดลุก นั่งตรง

แต่ก็แปลกเช้ามืด สติเด่น
เกิดเป็นสุขสงบเย็น เอิบอิ่ม
เพียงสองชั่วโมงเน้น ทุกข์หาย
จิตสบายสว่างยิ้ม เด่นขึ้น มาพลัน


ใจไม่มีคำว่าหญิงว่าชาย http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3440&CatID=0
"
ส่วนผู้ปฏิบัติอรรถธรรมนี้พอตื่นนอนขึ้นมาระลึกถึงอรรถถึงธรรมก่อนอื่น อรรถ ธรรมนี้จะไหลเข้าสู่ใจๆ โดยลำดับลำดา ที่รวมแห่งความสุขทั้งหลายตลอดถึงบรมสุข รวมที่ดวงใจซึ่งได้รับการอบรมจากอรรถจากธรรมเต็มที่แล้ว"

องค์หลวงตาท่านปลอบ คำหวาน
สุขสำราญเบิกบาน ใจยิ่ง
นึกกลัวเพ่นกระบาล ใจฝ่อ
แต่ฟังธรรมแล้วยิ่ง ราบรื่น ชื่นใจ

วันอาทิตย์หวังต่อยอด แต่กลับ เคลิ้มไป
ไม่ได้อธิษฐานใด ๆ ผูกมัด
เช้ามืดตีสี่ไซร้ นั่งมั่น
ไม่เหมือนคืนที่ผ่าน แปลกแท้ จิตตน

แต่หยังหวังได้ทาง ความเพียร
ดูทุกข์-จิตหวังเรียน รู้ยิ่ง
หวังเรียนจบสรรพสิ่ง ในโลก
เพื่อถอนตนปราศโรค- อวิชชา ตลอดไป

เช้านี้องค์หลวงตา หลั่งธรรม นำจิต
เพียงไม่กล้านึกคิด มากนัก
รับรู้เมตตาจิต จากท่าน
น้ำตาหลั่งรินผ่าน อาบแก้ม คลอนาน

ลึก ๆ ในจิตนั้น ทุกข์นัก ใจเอย
ยากนักจะปล่อยเลย ทุกข์นี้
เป็นทุกข์มิอาจเฉลย ผูกมัด
ขมวดเป็นปมใหญ่รัด ห่อนแก้ คลายใจ

องค์หลวงตาจะมา โปรดแล้ว เตรียมใจ
หวังจะถามสิ่งใด อย่าหยิ่ง
แต่เกล้าด้อยค่ายิ่ง มิอาจเอื้อน เอ่ยคำ
แม้เป็นทุกข์ตอกย้ำ อัดแน่น เต็มทรวง

โดย : ผู้อดทน...ต่อวิบาก
เมื่อ : 27 มิ.ย. 2548 23:25 IP : 61.91.86.49

ร้อยใจลำดับที่ : 0293

นิมิตหลบหลีกปลีกหนีภรรยา

ก่อนจะนอนนาฬิกาตีหนึ่งครึ่ง
กำหนดถึงสติไว้ในใจแล้ว
หลับตาลงฝันไปเป็นคุ้งแคว
หรือเป็นแนวทางให้เราได้เดินตาม


ฝันว่าตนหลบเลี่ยงการพบปะ
หลบเลี่ยงละ ภรรยาตน ทุกแห่งหน
บ้างพบเพื่อน เพื่อนเรียก เอื้อเฟื้อตน
มิได้จน น้ำใจ ฉันท์เพื่อนกัน

หลบจากเพื่อน พบเจอ ครูบาท่าน
กวักมือวาน เรียกเข้ามา นั่งใกล้ ๆ
ท่านกำลัง รับฟังธรรม ด้วยน้ำใจ
บนบันได ขั้นใดนั้น มิอาจจำ

รู้แต่ว่า ไม่กล้านั่ง สูงกว่าครู
หลวงตาสู้ อุตส่าห์ นั่งเบื้องล่าง
หากจะนั่ง ที่ราบสูง ก็ผิดทาง
จึงนั่งล่าง ราบเรียบ ติดบันได

องค์หลวงตา สอนให้รู้ ที่แห่งนี้
ต่อไปมี ผู้นำหลัก เป็นแม่นมั่น
ครูบาถอด คำสอน หลวงตาพลัน
สอนตนนั้น ให้รู้ซ้ำ ในคำครู

โอ้..ทำไม ท่านจำ คำสอนเก่ง
แม้ตนเองก็ยังจำได้ไม่ครบ
เพียงจดจำได้นิดหน่อยเป็นคำรบ
ได้แต่พบว่าครูบาชี้บอกทาง

อันคู่เรา ยังตามหา ไม่ลดละ
ตนคลาดคละ หลบเลี่ยงไป ให้ได้พ้น
จากสายตา ให้ห่างไกล ในบัดดล
แอบหลบตนในธาราอุจจาระ

ทุก ๆ คนไม่คิดว่าหลบในนี้
จึงผ่านไป ไม่มี ใครมองเห็น
หลวงตามาด้านหลังธารสั่งเย็น ๆ
อย่าให้เห็น เลี่ยงด้านหน้า ออกด้านหลัง

แล้วให้คน หาหนังสือ มาสองเด้อ
หลวงตาให้ คนงมเจอ มาให้ได้
เป็นอุบาย อันใด เหนือคาดไป
หรือเพียงให้ ว่าในน้ำ ไร้ผู้คน

โผล่จากน้ำ หลบหนี เจอหลวงพ่อ
หน้าตาพอ จำได้ ว่าเป็นท่าน
อยู่สกลฯ วัดป่าแก้ว เคยกราบกราน
แต่ในฝัน พบพาน เพียงครั้งเดียว

แต่ที่แปลก คือหลวงตา ก็มาหา
ทำท่าว่า เป่ามนต์ พ่นฉ่ำให้
ผู้รับเองยังงง ๆ นิ่งรับไป
มนต์ที่ให้ เป็นฉันใด ไร้คำนึง

เรื่องที่เกิดหนึ่งชั่วโมงเป็นความฝัน
จึงประพันธ์เป็นบทกลอนให้มิตรร้อยฯ
หากมิควรโปรดตัดออกอย่าเหลือรอย
เพียงผู้น้อย กล่าวย่อมา จากฝันเอย

จบจากฝัน ตีสองครึ่ง สะดุ้งตื่น
เพียงเมื่อคืน หนึ่งชั่วโมง ฝันเพียงนี้
โอ้ความฝัน ทำสับสน ในราตรี
อันฝันนี้ คงแค่ฝัน ฉันจดจำ

โดย : คนเมืองกาฬ...
เมื่อ : 06 ก.ค. 2548 14:41 IP : 203.144.198.66

****************************************

วันที่ 7 ก.ค. 2548 (กัณฑ์เทศน์ชื่อ "จิตสิ้นโทษ") ได้ กราบเรียนองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ องค์หลวงตา เกี่ยวกับทุกข์ที่เกิดในจิต ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และไม่รู้วิธีแก้ (จริง ๆ หากจะเขียนตรงนี้ ก็จะยาว ...ขอให้พิจารณาเอาเองก็แล้วกัน)

เจตนาที่มุ่งหวัง ก็เพื่อให้เพื่อน ๆ ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขในโลก ได้ถึงความพ้นจากทุกข์ ดังได้กราบเรียนองค์พ่อแม่ เมื่อ 29 เม.ย. 2548 (สร้างธรรมให้เจริญในใจ)



และไปกราบลาบวช เมื่อ 29 เม.ย. 2549


อุตส่าห์เรียบเรียงให้ยายขึ้นกราบเรียนหลังถวายปัจจัยเสร็จ ยายก็เงียบ เลยเป็นเหตุให้องค์ท่าน พูดถามขึ้นก่อน (ดังที่อธิษฐานจิต "
ขอหลวงปู่เมตตายายข่อยน้อยแน่เด้อ")

ทั้ง ๆ ที่คืนนั้นก็ไม่ได้คิดจะขึ้น แต่หลวงปู่ดึง (เทศน์ให้ใจคึกคัก) ขึ้นไปจนได้ โดยไม่ได้เตรียมตัวว่าจะขึ้นไปเลย (ขึ้นแบบปุ๊บปั๊บ ปัจจุบันทันด่วน) ...เดี๋ยวนี้ หลวงปู่จะให้ออก (ก็คิดแล้วคิดอีก ...ตามเหตุ...จริง ๆ แต่ก็คิดถึงองค์พ่อแม่อย่างสุดซึ้ง อยากวิ่งไปกราบแทบเท้า หรือกราบ ณ แห่งใด ๆ ก็ได้ )

****************

หากผม (อาตมา) จะรวบรวมกัณฑ์เทศน์ ที่เกี่ยวข้อง แล้วกล่าวในสิ่งที่คิดทำ คงใช้เวลารวบรวมนาน (
ดังกัณฑ์เทศน์ ที่องค์ท่านพูดถึงการเขียนประวัติหลวงปู่มั่น และ เรายังพิมพ์ดีดเป็นอยู่นะ ...เป็นต้น)

พระธรรม ใครน้อมนำมาสอนตนได้ (โอปนยิโก) ไม่ขึ้นอยู่กับกาลสถานที่ (อกาลิโก) ก็จะเป็นผลและประโยชน์สำหรับผู้นั้น

ดัง สมัยครั้งพุทธกาล ที่ทรงเมตตาแสดงแก่ภิกษุบางรูป หรืออุบาสกบางคน แต่ผลแห่งการบรรลุธรรม ก็เกิดแก่ผู้ได้ยินได้ฟังไม่มีประมาณ (บางคราวมาก หรือน้อย แล้วแต่ผู้มาเกี่ยวข้อง) ดังจะได้ยินว่า ธรรมาภิสมัย เกิดแก่ชนทั้งหลายแปดหมื่นสี่พัน ...(เป็นต้น)

____________________________________

เผ่นอจล. แล้วไป กะสิน (กาฬสินธุ์) สุดท้าย ก็ฝึกไปกราบพ่อแม่ครูจารย์ องค์หลวงปู่ใหญ่ที่สวนแสงธรรม..งาม ๆ (เสียดาย ไม่มีรูป แต่ได้เก็บความประทับใจไว้แล้ว)

สิ่งที่เหนือเหตุ-ผล (พริกกะเกลือ) http://larndham.org/index.php?showtopic=24864
ย่อความหมดจด จากภาคปฏิบัติ http://larndham.
org/index.php?showtopic=23988
ขอฝากกลอนไว้ใน http://larndham.
org/index.php?showtopic=23550
อุบายพิจารณาแก้ทุกข์ http://larndham.
org/index.php?showtopic=24062
มหานก (พระชินวัฒน์ อภิภโว ป. ๗ ชื่อเดิม "พิภพ" นามสกุล พองศรี)
เพื่อนเรียนมมร. เรียก "มหาชิน/อาจารย์" ผู้เคยร่วมงานเรียก "ชิน/พี่ชิน/ทักษิณ" :)

ลำนำของใจ


กล่าวลำนำ ล้ำค่า บ้างได้ไหม

พูดเรื่องใจ ไขปัญหา ปัดสิ่งข้อง
นำหลักธรรม นำปฏิบัติ ธรรมครรลอง
เปลื้องสิ่งข้อง พบค่าล้ำ ใจปลงเบา

จะดูรู้ ดูรัก พักสักหน่อย
จะปลดปล่อย ได้ไหม เจ้าใจเอ๋ย
ช่างยื้อยุด ฉุดกระชาก หนักใจเอย
เพราะความเคย ตามใจฉัน มานมนาน

พูดถึงเรื่อง ความรัก ชักติดขัด
เหมือนกับมัด หัวใจ ให้ติดเหนี่ยว
ติดตุ๊บตั๊บ ล้านใจ ฟั่นเป็นเกลียว
จึงข้องเกี่ยว หลงใจ ไปไม่เป็น

เพราะสิ่งข้อง สิ่งคา มีมาพร้อม
อวิชชาห้อม ล้อมไว้ ให้แน่นหนอ
จึงฝ่าออก ยากลำบาก จนใจท้อ
แต่ก็พอ ฝ่าออกได้ ด้วยพระธรรม

พระพุทธองค์ ทรงปั่นล้อ ธรรมจักร
เพราะทรงหัก กรงกรรม ดุจจักร์ผัน
สั่งสอนศิษย์ ผู้ใฝ่รู้ ออกจากมัน
ให้เท่าทัน อวิชชา พังจากใจ

นี่แหละหนอ เรื่องของใจ ใช่ว่าเล่น
แต่จะเห็น ได้อย่างไร ถ้าไม่นิ่ง
สมาธิ ดิ่งลงได้ ไม่ไหวติง
เป็นจิตนิ่ง ดิ่งเด่นดวง ผ่ารวงรัง

รวงรังภพ วัฏฏจักร หมุนใจสัตว์
สารพัด ล่อหลอก ให้ใจหลง
แต่องค์พระ สอนใจได้ จนรู้ปลง
จึงได้ทรง ช่วยผู้อื่น ได้ปลงตาม

นี่แหละหนา พระคุณ อันยิ่งใหญ่
ที่มีใจ ผู้พ้นได้ ช่วยสั่งสอน
กล่าวลำนำ เป็นกลอน เป็นบทตอน
เพื่อจะสอน ตามพระธรรม พระศาสดา

อันเรื่องศีล สมาธิ ปัญญาพร้อม
ทำใจน้อม ยอมรับ ดุจรักแท้
จะซื่อสัตย์ รักรื้อภพ ไม่ผันแปร
ถึงจะแก่ จวบสิ้นลม มุ่งนิพพาน

องค์พุทธะ อนุพุทธ ผุดรื้อโลก
ให้หมดโศก หมดภัย ในสงสาร
เกิด-แก่-เจ็บ ม้วยมรณ์ สอนเด็กคลาน
หรือเป็นท่าน ผู้แก่เฒ่า เฝ้าคิดเอา

หากยังรู้ เดียงสา ยังน่าคิด
แม้บัณฑิต เป็นได้ แต่ยังอ่อน
สอนเรียกพ่อ เรียกแม่ แม้ยังนอน
เป็นเพราะสอน ซ้ำซาก เพื่อย้ำเตือน

เติบโตมา กับคำสอน เฝ้าพันผูก
เพื่อให้ลูก ได้รู้คำ เสียงเรียกขาน
อันสมมุติ เรียนรู้กัน เพื่อสื่อสาร
เป็นตำนาน สอนกันมา แต่นานกาล

เมื่อเติบใหญ่ ท่านก็สอน ให้รู้ว่า
ผิดหรือถูก นั่นหนา เน้นเหตุผล
ประกอบบท ขยายความ อุปมาปน
ปะปนจน แจ้งแจ่มชัด ชัดหัวใจ

เมื่อรู้ผิด ก็ให้ละ อย่าทำอีก
ขอให้หลีก เส้นทาง ตามที่สอน
หลีกคนพาล คบบัณฑิต พึ่งพิงก่อน
นี่คือตอน สำคัญ รู้คบคน

คบคนใด ย่อมเป็น เช่นคนนั้น
ปลูกเผือก-มัน ก็ย่อมได้ เผือก-มันแน่
เหตุกับผล คู่กัน ไม่ผันแปร
สุดแท้แต่ จะลงเอย กันอย่างไร

อันคำพระ มีมากมาย มากเหลือล้น
คัดเลือกคำ เหมาะกับตน ให้ได้หนอ
แม้บทธรรม- หนึ่งรู้ได้ นั่นแหละพอ
เมื่อใจพอ กับทุกสิ่ง ยิ่งสบาย

ไม่มีสิ่ง กดถ่วง ให้ใจติด
ดุจยาพิษ จางหาย กายสดใส
จะเดินเหิร ทำทุกสิ่ง ไม่ทุกข์ใจ
มีอะไร ก็ไม่ห่วง ทรวงอกเบา

นี่แหละหนอ ท่านว่าตน พึ่งตนได้
จึงมีใจ ช่วยผู้อื่น ให้พึ่งบ้าง
บอกสิ่งรู้ ให้ลดละ เพียรปล่อยวาง
ได้สะสาง อุปาทาน ออกจากใจ

-----------------------------------

อภิภโว ภิกขุ
(พระชินวัฒน์ พองศรี ป. ๗ ศนบ. รุ่นที่ ๔๐ แห่งมมร.)

25 มิ.ย. 2551 เวลา 23.35 น.

สิ่งดี ๆ

ในโลกนี้ มีอะไร มากมายนัก
เพียงรู้จัก นับสะสม เกินจะหมาย
มากเหลือเกิน ถึงจดจำ ก็ไม่วาย
จึงช่วยด้าย... ถ้ามีคอมฯ ให้ช่วยจำ

จึงนำมา บันทึกไว้ กันช่วยหลง
เก็บไว้คง เป็นสิ่งที่ มีคุณค่า
นำสิ่งดี ที่ฝังใจ แต่ไรมา
จึงเป็นค่า ที่ควรจด จำในใจ

หากจะมี สิ่งที่ ดีกว่านี้
ก็มีแต่ หัวใจ ที่ใฝ่หา
ใผ่หาสุข ที่ทุกคน หวังทั่วหน้า
แต่จะหา พบเจอสุข กี่คนกัน

สุขกับที่ มีทรัพย์ หรือรถ-บ้าน
สุขเบิกบาน เพราะมีคู่ หรือไฉน
หรือว่าสุข ที่มีบุตร สุขชื่นใจ
ใช่สุขไหม ที่เจอ ดังกล่าวมา

ทุก ๆ คน หวังสุข กันทั่วหล้า
แต่ก็ล้า เมื่อพบทุกข์ ที่ไม่หวัง
หากเป็นเอง เพราะเป็นสิ่ง ไม่จีรัง
ถึงจะหวัง ก็ไม่แคล้ว คลาดจากมัน

เรื่องที่พบ มีกี่คน ที่หวังได้
จะมีใคร เหมือนดั่งองค์ พระพุทธเจ้า
ผู้แสวง พบหนทาง รู้ทุกข์เบา
เบาจนเบา โล่งว่าง สุดบรรยาย

บางคนหวัง ได้ไปเที่ยว ชมภูเขา
ชมทิวทัศน์ บรรยากาศ ให้สุขสม
บ้างก็เที่ยว ทะเลเวิ้ง ที่นิยม
ก็ว่าชม จนสุขจิต หวังผ่อนคลาย

เรื่องชีวิต นับว่า น่าควรคิด
คิดจะหลบ จะหลีก จากเรื่องวุ่น
บ้างสมอง ทำสับสน จนหัวหมุน
ก็เพราะครุ่น คิดหนัก เกินปล่อยวาง

เพราะว่าจิต ไม่เคยคิด ทำสงบ
จึงไม่พบ สุขแท้จริง จึงห่างหาย
หากหาพบ ความสุข อยู่ในกาย
ที่มีใจ ไม่คิดส่าย จึงวางเบา

จะวางได้ ใช้ปัญญา ตรองตามรู้
รู้แล้วละ หัดวางเป็น ให้ได้บ้าง
ก็จะรู้ การวางจิต จนปล่อยวาง
หมั่นสะสาง ชัฏในอก ให้โล่งไป

ก็จะพบ ความสุข ที่มีค่า
ใครจะหา อะไร ก็รู้ได้
หาให้พบ จริง ๆ นี่ ลงที่ใจ
ปล่อยวางได้ ใจเป็นสุข ทุกคืนวัน

--------------------------


รู้สุข เมื่อทุกข์จาง รู้ละวาง จิตเบายิ่งนัก

...จาก ผู้หวังให้ทุก ๆ คน มีสุขถ้วนหน้า

บทความที่ได้รับความนิยม