วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2557



เห็นรูปนี้ ทำให้ระลึกนึกถึงคราวที่ยังไม่บวชได้เดินทางร่วมขบวนไปกับทีมงานขององค์หลวง ตา ไปทอดกฐินที่วัดชัยมงคล อ.บ้านแพง จ.นครพนม เมื่อวันที่ ๑๒ พย.๔๘ โดยอาศัยนั่งในรถไปกับทีมงานถ่ายทอดสด

ในระหว่างทาง มีการจอดรถ แล้วงงว่าจอดทำไม เห็นมีรถกระบะฝั่งตรงข้าม ซึ่งดูไม่เห็นมีอะไร

แต่ที่ไหนได้ มีคนเดินไปยังรถคันนั้น ...กลายเป็นเหมาแตงโม (เราอยู่ในรถ มองไม่เห็น เพราะรถที่จอดไม่มีลักษณะบ่งบอกว่าจะขายอะไร)

ทราบว่า หลวงตาให้ช่วยเขา โดยเหมาแตงโม..สงเคราะห์ชาวบ้าน ผัวเมียคู่หนึ่ง ที่มีลูกนอนอยู่ในเปล ถ้ามองฝั่งตรงข้าม ก็มองเห็นแค่แม่ไกวเปลลูกน้อย ได้ลงจากรถ..มาสังเกตุการณ์ :)

ไปถึงวัดฟังธรรมหลวงตา..รู้ แต่ว่าปลื้ม ได้เดินจงกรมร่วม ๒ ชั่วโมง จนฝนตกหนักคืนนั้น เลยไปหลบในโบสถ์ พอฝนหยุดลงมา เอ้ารองเท้าแตะสีเขียวลอยน้ำไปไหน จนต้องตามเก็บ

คืนนั้นนอนประมาณ ๕ ทุ่มกว่า มีเพียงผ้าห่ม ๑ ผืน และหมอน ยุงก็เยอะ รู้สึกตัวตื่นตอนตี ๑ กว่า เลยลุกนั่งภาวนาต่อ เอาผ้าห่มคลุมตั้งแต่หัวลงมา แล้วฝนก็ตกหนักฟ้าร้องคำรามทั้งผ่าดังเปรี้ยงปร้างสนั่นหวั่นไหว ..จิตก็ปรารภเพลินๆ ออกจากนั่งราวตี ๔ ปวดฉี่ ไปเข้าห้องน้ำ เห็นพวกผู้เฒ่าผู้แก่กำลังปิ้งข้าวหลาม (ลืมบอกไป หัวค่ำ ก็เอาเมล็ดทานตะวันที่ซื้อมา..แจกให้หมด เหลือเพียง ๒ ห่อ..เพราะหลวงตาสอนเรื่องการให้เฉลี่ยแบ่งปัน เลยติดนิสัย..มีไม่ได้ เป็นแจก)

เข้าห้องน้ำทั้งที่ฝนเริ่มเบาบ้าง สักพักหนึ่ง ไฟฟ้าในห้องน้ำดับพรึบ..นึกว่าใครมากดสวิทช์ปิด เลยทำกระแอม ต้องรีบทำธุระเบาๆให้เสร็จแล้วออกมาโดยทันที อย่างน้อย น่าจะเห็นคนบ้าง เอ้าสวิทช์ก็เปิดอยู่นี่ ไฟทั่วไปก็ติด

งงเลย ไฟดับเฉพาะห้องที่เราใช้อยู่คนเดียว เลยปิดสวิทช์ แล้วเดินไม่ถึง ๕ เมตร ไฟฟ้าก็ดับทั้งวัด น้ำก็เจิ่งนองท่วมวัด

พอสายมา ไฟฟ้าก็ยังไม่มา ได้เวลาหลวงตาจะเทศน์ทั้งที่ท่านฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ในภาพที่เห็น สงสัยองค์ท่านจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วมาใหม่เพื่อจะเทศน์ ไฟฟ้าก็ไม่มีวี่แววว่าจะมา

จนท่านเริ่มจะเทศน์ นึกในใจ(ตั้งแต่ปรารภไว้) เอาล่ะ ถวายหมดกระเป๋าล่ะ (มีเท่าไหร่ในกระเป๋าควักออกมาให้หมด) ไฟฟ้าก็ทำท่าจะติด จนคนเฮดีใจ ..แต่ที่ไหนได้ แค่สป๊าร์คหน่อยเดียว ดับพรึบเหมือนเดิม ก็นำปัจจัยไปถวายองค์ท่าน ..ฟังเทศน์ก็ไม่รู้เรื่อง ฝนก็พรำๆ เสียงคุยกันก็ดัง สรุปท่านก็พูดไม่นาน

กลับจากนครพนม ฝนพรำๆตลอดทาง กลับถึงวัด ก็ยังพรำๆ ตนเอง เลยเข้าทางจงกรมต่อ (๑๓ พย.๔๘) เดินร่วม ๒ ชม.จนเพลินทางจิต แต่เหมือนเหนื่อยในอก เอ๊ เราเป็นอะไร

ก็เริ่มสังเกตร่างกาย (หัวใจ) มาตั้งแต่นั้น คืออยากเดินต่อ แต่ร่างกายเหมือนเตือนว่าไม่ไหว (ไม่เหมือนคืนที่เดินจงกรม ๕ ชั่วโมงกว่าแบบสบายๆ มีเหนื่อยบ้าง ที่วัดป่าเชิงเลน วันที่ ๒๒ กค.๔๘ ยังไม่พบอาการเหนื่อยอ่อนในอก คืนที่วัดป่าเชิงเลนนั้น ต้องไปร่วมสวดมนต์กับเจ้าอาวาส และท่านสอนธรรม แต่จิตกังวลอยากฟังเทศน์หลวงตา พอท่านพระอาจารย์สอนจบกราบพระ ประมาณ ๒ ทุ่มกว่า รีบผละมาคว้าเอ็มพี ๓ เปิดวิทยุคลื่น ๑๐๓.๒๕ นั่งภาวนาฟัง ยังได้ฟังท้ายๆ จิตก็ยังปลื้ม แล้วนั่งภาวนาต่อจนถึงประมาณเที่ยงคืนกว่า ออกมาเดินจงกรมพิจารณาสุภะและอสุภะสลับกัน จนเกือบสว่าง ขณะเดินพิจารณา ปรากฎเห็นร่างคนที่รู้ว่าเป็นผู้หญิงเพราะผมยาวมีแต่หนังหุ้มกระดูก กึ่งนั่งกึ่งนอนเอนพิงผนังด้านหน้าวัดฝั่งซ้าย ..เช้ามาได้ฟังเทศน์ท่าน และจดจำกัณฑ์เทศน์นั้นว่า "วิธีภาวนา" http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=3490&CatID=3 ดุจได้รับความเมตตาเป็นพิเศษจากองค์ท่าน)

เห็นรูป เลยนึกถึง..นำมาเล่าสู่ฟัง และนั่นเป็นครั้งสุดท้าย ที่ได้ตามรถขบวนไป เพราะมีพระ..สั่งห้ามไม่ให้..ร่วมเดินทางไป เหตุที่สั่งห้าม คือพระเลขาไม่อยากให้เข้าใกล้หลวงตา เพราะถ้าเข้าหา หลวงตาดุอย่างหนัก ชนิดที่พวกตชด.ต้องมานำตนออกไปบ่อยๆ

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

โปรดแสดงความคิดเห็นด้วยเมตตาธรรม

บทความที่ได้รับความนิยม