วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553

พุทธศาสนานี้มีมาเพื่อสิ่งใด และเกิดจากอะไรเป็นเหตุ


ดูก่อนท่านผู้ชื่อว่าเป็นพุทธบริษัททั้งหลาย   การที่มีพุทธศาสนาเกิดขึ้นมาได้นั้นในที่นี้จัดว่าเป็นสิ่งที่ยาก เพราะกว่าพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์จะได้เสด็จมาตรัสรู้ได้เป็นการยากและไม่ ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะไม่รู้ว่าแต่ละพระองค์จะได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีนั้นให้ เต็มบริบูรณ์ได้ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจึงจะได้มาซึ่งการตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า  และนับไม่ได้ด้วยว่านานกี่กัปป์กี่กัลป์ที่จะมีมาสักพระองค์หนึ่ง  

ดัง เช่นที่มีในพระไตรปิฎกได้บันทึกไว้  ในที่นี้ ท่านทั้งหลายพึงสำเหนียกเถิดว่าแต่ละพระองค์นั้นทรงเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แค่ไหนเพียงใด เพื่อการสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่สัตว์ทั้งหลายเพื่อ ให้หลุดจากวังวนแห่งกองทุกข์ที่มีอยู่นี้  แล้วเหตุใดหนอท่านทั้งหลายไม่พึงเห็นคุณค่าของพระศาสนาที่ว่าเป็นหลักยึด เหนี่ยวจิตใจของตนนี้กันเลย  เพราะนั่นเกิดจากอะไรเกิดจากความไม่รู้อย่างนั้นหรือ

อาตมาเห็นว่า ไม่น่าจะใช่ เพราะท่านที่รู้นั้นมีอยู่แต่ที่ขาดไปนั้นน่าจะเป็นความไม่ใส่ใจมากกว่าไหม เพราะถ้าใส่ใจกันจริงๆ แล้วคงไม่เอนหน้าเอนหลังส่ายไปส่ายมากันอย่างทุกวันนี้เป็นแน่  พึงพิจารณาดูเถิด เพราะในปัจจุบันนี้ก็เหลือน้อยเต็มทีแล้วที่จะมีผู้ศึกษาและผู้รู้ในเรื่อง พระศาสนานี้อย่างแท้จริงและที่ปฏิบัติอย่างจริงจังก็หาไม่ค่อยจะมีแล้ว  เพราะนั่นเกิดจากการที่เราไม่เคยที่จะมองเข้ามาดูเลยในเรื่องของพระศาสนา นี้และศึกษาให้เข้าจิตเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ แต่ครั้งที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่

ด้วยเหตุนี้อาตมาพึงเห็นว่าใน เรื่องนี้เราควรที่จะมองถึงความเมตตาที่พระองค์ได้ทรงมีแก่พวกเราทั้งหลาย นั้นบ้างจะดีไหม  ด้วยการทำความเห็นในเรื่องต่างๆ ที่พระองค์ได้ตรัสไว้แล้วอย่างถูกต้อง  แต่เรากลับมาทำเสียป่นปี้หมด  แล้วคำที่ว่าจะรักษาพระศาสนานี้ให้ตั้งอยู่ได้นานนั้นจักประสบผลสำเร็จได้ อยู่หรือ

ท่านทั้งหลายพึงพิจารณาเถิดเพราะทุกวันนี้ส่วนมากจะศึกษา เอาแต่เปลือกหาได้ศึกษาให้ถึงแก่นแท้ของพระศาสนาไม่   จึงเป็นไปได้ที่ทุกวันนี้ตามที่พิจารณาเห็น  มักจะกล่าวอะไรที่ผิดจากหลักที่พระองค์วางไว้เสียส่วนใหญ่  เพราะนั่นหมายถึงผู้ไม่รู้จักสรณะที่แท้จริงของตน  จึงได้ไปนำเอาสรณะที่สี่เข้ามาปนเสียหมด  เกิดจากอะไร...

เกิดจาก การที่ปฏิบัติกันแบบเหลาะๆ แหละๆ นั่นอย่างไรละแล้วผลที่หวังมันจักสำเร็จขึ้นมีได้อย่างไร พิจารณาสิท่านทั้งหลาย  เพราะถ้าศึกษากันถึงแก่นจริงๆ แล้ว  อาตมาเชื่อว่าคงไม่มีการทุจริตเกิดขึ้นในพระศาสนานี้อย่างแน่นอนและแน่นอน ที่สุดแม้แต่การโจรกรรมที่เห็นอยู่ก็จักอันตรธานจากสังคมเป็นแน่และแน่นอน ถ้าเราพากันศึกษาให้เข้าถึงแก่นแท้กันได้จริงๆ หรือแม้แต่ผู้ที่อุปสมบทเข้ามาก็หามีไม่ที่จะลาสิกขาอย่างทุกวันนี้ เพราะนั่นเกิดจากสาเหตุที่ไม่ศึกษากันอย่างถ่องแท้และเข้าถึงแก่นแท้ได้ อย่างไรล่ะ จึงได้มีการลาสิกขากันมากมายหรือแม้พระปลอมก็ได้เกิดมีขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น เรื่องการเข้าถึงสรณะก็ไม่รู้  เรื่องทาน  ศีล   ภาวนาก็ได้แต่เปลือก เพราะไม่เข้าถึงแก่นของเรื่องนั้นๆ กันอย่างแท้จริง พึงพิจารณาดูเถิด  และที่สำคัญทุกวันนี้ก็เกิดมีมากในเรื่องของการสอนนอกลู่นอกทางจากหลักเดิม ที่พระองค์ได้ทรงประทานไว้ให้  หรือวางไว้ เพราะมีแต่อธรรมวินัยตามใจฉันเสียส่วนมาก   จึงพากันมองข้ามหลักเดิมหรืออรรถธรรมที่พระองค์ได้วางไว้ให้นั้นเสีย หรือศึกษาก็สักแต่ว่าศึกษา เพราะศึกษาแล้วไม่เคยเลยที่จะนำเข้ามาพิจารณาในตนให้มันกระจ่าง  การเผยแผ่จึงเพี้ยนไปมากจากหลักเดิมที่พระองค์ได้วางไว้

ผู้ที่จะเข้ามาศึกษาจึงได้เดินตามทางที่ตนได้วางไว้นั้นแทนที่จะได้เดินตามทางที่พระ ศาสดาทรงวางไว้นั้น  ในเรื่องนี้ให้ท่านทั้งหลายที่ได้อ่านบทความนี้พึงพิจารณาดูให้ละเอียดเถิด ว่ามันเป็นอย่างนั้นไหมปัจจุบันนี้นะ   อาตมาเห็นว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่เราได้กล่าวว่าอยากจะรักษาซึ่งพระศาสนานี้ ให้ตั้งอยู่ได้นาน  ดังที่เคยได้ยินกันหลายๆ ปากและบ่อยมาก   ควรที่เราท่านทั้งหลายจักศึกษากันอย่างแท้จริง และประพฤติตามแบบฉบับของชาวพุทธกันจริงๆ เสียที  เพราะถ้ายังเป็นอย่างนี้ จักไม่มีทางเป็นไปได้เลยว่าจะรักษาศาสนธรรมของพระพุทธเจ้าให้ตั้งอยู่ได้นาน ได้  ย่อมจักมีแต่เสื่อมถอยลงเป็นแน่  ถ้ายังเป็นเช่นนี้อยู่   โปรดพิจารณาดูอย่างผู้มีปัญญาเถิด  ว่าจักเป็นไปๆ ได้ด้วยประการใดถ้าเรายังประพฤติผิดลู่ผิดทางจากหลักของพระองค์ที่ทรงวางไว้ ให้นี้อยู่ร่ำไป  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประเพณีต่างๆ ก็ดี การให้ทานรักษาศีลก็ดี หรือแม้แต่การกระทำไปเพื่อการปฏิบัติเพื่อความหลุดความพ้นนั้นก็ดี อย่างที่ทราบกันว่า ในกาลที่พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่นั้น ชาวพุทธบริษัททั้งหลายในกาลนั้น ท่านพากันประพฤติปฏิบัติกันเยี่ยงนี้จริงหรือ  อย่างที่หาสรณะไม่เจอกันอยู่ทุกวันนี้แน่หรือ เพราะถ้าพิจารณาให้ละเอียดแล้ว  อาตมาเองก็เชื่อว่าในกาลนั้นท่านไม่สอนให้ชาวพุทธในกาลนั้นบำเพ็ญบุญปน บาปอย่างทุกวันนี้แน่  และแน่นอนที่สุดการแนะนำในเรื่องปฏิบัติก็คงไม่เอายอดชนปลายเอาปลายชนยอด อย่างทุกวันนี้แน่  

ถ้าเราศึกษาและพิจารณาตามความเห็นที่เป็นจริง แล้วในเรื่องนี้คงจะพอมีปัญญาตามรู้ได้แน่และไม่เกินกำลังเป็นแน่ เพราะถ้าเกินกำลังท่านคงไม่เอามาสอนเพราะมันเกินวิสัยที่จะรู้แต่นี่  ที่พระองค์ได้ทรงวางไว้ให้นั้นพระองค์เห็นแล้วว่า  สิ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้วางเอาไว้นั้นพอจะทำให้เกิดมีแก่ผู้ที่ศึกษา อย่างแท้จริงได้อย่างแน่นอนและแน่นอนที่สุด   พระองค์ท่านจึงได้ทรงวางไว้  ไม่ว่าเรื่องของบรรพชิต   หรือคฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือนนั้นก็ตาม  พึงพิจารณากันดูให้ละเอียดเถิด   คงไม่เกินกำลังที่จะรู้ตามได้เป็นแน่และเพื่อความเป็นพุทธบริษัท  อย่างแท้จริง  ไม่เหลาะแหละหลอกตน  หลอกท่านอย่างที่เป็นหรือเห็นอยู่นี้แน่   ขอจงเป็นไปเพื่อความเข้าใจในความจริงแห่งพระสัทธรรมทั้งหลายนั้นอย่างแจ่มแจ้งเถิด

          
ขอเจริญในธรรมและกุศลทั้งหลายที่ท่านจะพึงกระทำนั้น

                              
ขอเจริญพร
                              
พุทธธรรม
                        
พระไพรศาล   ชิตมาโร 

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น

โปรดแสดงความคิดเห็นด้วยเมตตาธรรม

บทความที่ได้รับความนิยม